วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ชี้เเจง คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ สั่งทุบเทวรูป เป็นเเค่ข่าวลือ


เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ชี้เเจง คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ สั่งทุบเทวรูป เป็นเเค่ข่าวลือ

เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ศูนย์รวมเทวรูปขนาดใหญ่ ที่มีชื่ออันดับต้นๆ ของประเทศ และโด่งดังไปไกลในระดับโลก แจงสื่อเป็นครั้งแรก หลังมีกรณีมีกระแสข่าวลือในเรื่องคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มีคำสั่งให้ทุบเทวรูป ชี้ชาวพุทธมองคำสอนพระศาสดาให้ลึกซึ้ง ระบุ “พระพุทธเจ้าตรัสให้บูชาในสิ่งที่ควรบูรชาได้

วันที่ 23 ต.ค. 60 เวลา 15.00 น. พระประชาธรรมนาถ เจ้าคณะอำเภอท่าตะเกียบ และ อ.แปลงยาว เจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่เลขที่ 1 ม.11 ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยเป็นครั้งแรกต่อสื่อ ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวลือสะพัดในช่วงก่อนหน้านี้ว่า ทางคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มีคำสั่งให้ทุบเทวรูป ที่ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณวัดต่างๆ หรือให้ย้ายออกไปให้พ้นบริเวณวัดนั้นว่า เป็นเพียงแค่กระแสข่าวลือเท่านั้น

เนื่องจากยังไม่ได้มีมติจาก มส. หรือมีคำสั่งใดๆ ออกมาจากคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ โดยมีเพียงคำสั่งห้ามมิให้มีการติดแผ่นป้ายโฆษณา หรือมีการจัดจำหน่ายวัตถุมงคลภายในบริเวณโบสถ์เท่านั้น ส่วนคำสั่งไม่ให้มีการตั้งเทวรูปสูงข่ม หรือสูงกว่าพระพุทธรูปนั้น พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายนอกอาคารบริเวณวัดสมานรัตนารามแห่งนี้นั้น ก็ได้มีการประดิษฐานตั้งไว้สูงอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว โดยมีแท่นวางหรือแท่นบูชาที่อยู่สูงเหนือกว่าฐานที่ใช้ประดิษฐานองค์เทวรูปต่างๆ ภายในบริเวณวัดอยู่แล้ว

ส่วนการกราบไหว้หรือบูชาเทวรูปของนักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปนั้น ก็ไม่ได้ผิดไปจากคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้เคยตรัสเอาไว้ว่า “ให้บูชาในสิ่งที่ควรบูรชา” เช่น การกราบไหว้บูชาบิดา-มารดา การกราบไหว้บุคคลที่ประกอบคุณงามความดี หรือเป็นผู้ที่กระทำความดีมาก่อน เช่น พระมหากษัตริย์

และการบูชาก็ควรอยู่ในลำดับหรือขอบเขตของการบูชา เช่น เราชาวพุทธ ก็ควรกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้าก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยกราบไหว้บูชาพระธรรม และพระสงฆ์ ตามลำดับ ก่อนที่จะไปบูชาบุคคล หรือเทพและเทวรูป ตามความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร และจะไปห้ามไม่ให้บุคคลใดไปเชื่อไปศรัทธา หรือไปบูชาสิ่งที่บุคคลนั้นๆ เชื่อไม่ได้

ซึ่งการสั่งห้ามนั้น เป็นการสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องบูชาภายในบริเวณเขตพระอุโบสถ หรือโบสถ์ และไม่ได้ให้ทุบทำลายสิ่งอื่นใดที่อยู่ภายนอกเขตเสมา ซึ่งหากอยู่ใกล้เคียงก็ให้ย้ายออก ที่ผ่านมานั้นมีเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้นว่า ให้ทุบทำลาย จึงทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

ส่วนพระสงฆ์นั้นก็ไม่ได้มีการกราบไหว้หรือบูชาองค์เทวรูปแต่อย่างใด จึงไม่ผิดหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา แต่ข่าวลือที่ออกมานั้นก็ได้ทำให้มีผลกระทบต่อประชาชนหรือนักท่องเที่ยวให้เกิดความสับสนอยู่บ้าง จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวลดลงไปบ้างประมาณร้อยละ 20 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่ภายในบริเวณวัดที่มีการนำหุ่นยนต์ หรือรูปปั้นตัวการ์ตูนในนิยายของต่างประเทศมาวางไว้อยู่ทั่วไปภายในบริเวณวัดนั้น ก็เป็นเพียงกุศโลบาย ที่ใช้ในการดึงดูดให้เด็กๆ สนใจที่จะเข้าวัด หรือติดตามพ่อ-แม่ ผู้ปกครองเดินทางมาวัด เพื่อให้ได้ซึมซับเอาขนบธรรมเนียม และสิ่งดีงามที่ผู้ใหญ่เดินทางเข้ามาทำบุญปฏิบัติธรรมภายในวัด ให้เด็กๆ เยาวชนได้เห็นได้เรียนรู้ในทางพระศาสนา ดีกว่าปล่อยให้เด็กๆ ไม่ยอมเข้ามาในวัดเลย แล้วหันไปทำอย่างอื่น หรือกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง

จนอาจถึงขั้นไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้นำหุ่นปั้นการ์ตูนเหล่านี้มาใช้ในการดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ไปตามยุคสมัยเท่านั้น เพราะหากจะให้เด็กเข้ามาในวัดแล้วมานั่งฟังแต่พระสวดมนต์เพียงอย่างเดียว พวกเขาก็คงจะไม่อยากเข้ามา หรือสนใจที่จะติดตามมาเข้าวัด แต่หากคิดในแง่อกุศลก็อาจมองได้ว่าเป็นการเอาสิ่งเหล่านี้มาล่อลวงหลอกเด็กๆ ให้เข้าวัด จึงอยากให้สังคมที่มองอย่างสุดโต่ง ให้มองในแง่บวกบ้าง ถ้าการที่จะให้เด็กเข้าวัดมาฟังธรรมเพียงอย่างเดียวสมัยนี้เป็นไปได้หรือไม่ การเข้าวัดมาท่องเที่ยว มาพูด มาคุย มาสนทนาธรรมกันแล้วทำให้คนมาเข้าวัดจะดีกว่าหรือไม่

การเข้ามาที่วัดแห่งนี้ ไม่ได้มีการล่อลวงหรือมีคนมาคอยเรียกให้เข้ามาทำบุญ ให้ผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวมาทำบุญตามกำลังศรัทธา มีตู้บริจาคไว้คอยรองรับ ซึ่งหากไม่ศรัทธาจะไม่ทำเลยก็ได้ มาท่องเที่ยวมาถ่ายรูปแล้วกลับไปก็ได้ ไม่มีใครไปว่าอะไร แต่การเกิดขึ้นจากพลังศรัทธาของวัดแห่งนี้ก็ได้สร้างคน ได้สร้างชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม เพราะวัดได้พัฒนาชุมชนทำให้ชุมชนเข้มแข็ง จากเดิมในพื้นที่ชาวบ้านไม่มีงานทำ หรือบางคนมีเวลาว่างมาก ก็จะไปเกี่ยวข้องกับการพนัน เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด คนในพื้นที่ต้องออกไปทำงานที่อื่น

แต่เมื่อมีวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเกิดขึ้นมา จากแรงศรัทธาต่างๆ ก็ได้ทำให้ชาวบ้านมีงานทำ มีการค้าการขาย และนำข้าวของมาวางขายภายในบริเวณวัดให้แก่นักท่องเที่ยว โดยที่ทางวัดก็ไม่ได้เก็บเงินค่าเช่าที่อีกด้วย ขณะเดียวกันยังทำให้ทางจังหวัดฉะเชิงเทรานั้นได้ประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว ได้ประโยชน์ในแง่ของทางมูลค่าเศรษฐกิจมวลรวมของจังหวัด และเกิดความเข้มแข็งมั่นคงอบอุ่นของสถาบันครอบครัว เพราะคนในพื้นที่ไม่ต้องออกไปทำงานยังนอกพื้นที่เหมือนในอดีต ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาทั้งสิ้น

ขณะที่ทางวัดเองก็ยังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมความเข้มแข็งทางด้านสุขภาพ และยังเป็นการรองรับการขยายตัวของ EEC หรือระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ด้วยการสร้างโรงพยาบาลมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่ ให้แก่พุทธศาสนิกชนให้ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ล้วนเกิดจากแรงศรัทธาของนักท่องเที่ยว ด้วยเงินทำบุญเหล่านี้ทั้งสิ้นพระประชาธรรมนาถกล่าว

ที่มา : workpointnews







Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: