พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ เปิดเผยว่า บทสวดมนต์ที่พระกำลังสวดอยู่ในคลิปคือ บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และหลวงพี่แผดเสียงสวด เรียกทำนอง "กระทุ้ง หรือกระแทกเสียง"
กำลังเป็นคำถามที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย หลังมีคลิปวิดีโอพระสวดมนต์เป็นจังหวะแร็พ เผยแพร่อยู่ในโซเชียลมีเดีย โดยพระในคลิป นอกจากสวดมนต์ด้วยสำเนียงอันรวดเร็วแล้ว ยังโยกศีรษะตามจังหวะอีกด้วย จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม
ล่าสุด วันนี้(1 พ.ย.60) พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียน วัดสร้อยทอง เปิดเผยว่า บทสวดมนต์ที่พระกำลังสวดอยู่ในคลิปคือ บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร มีเนื้อหาพูดถึงเรื่องเทวดาที่อนุโมทนากับพระสูตร หรือพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงเป็นครั้งแรก ถือเป็นบทสวดมนต์อีกบทหนึ่ง ที่ค่อนข้างยาว หากสวดตั้งแต่ต้นจนจบ โดยจะใช้สวดในงานมงคลที่เป็นงานใหญ่ เช่น งานพุทธาภิเษก และงานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น
ส่วนการสวดมนต์ในคลิปวิดีโอ เรียกว่า การสวดทำนองกระทุ้ง ซึ่งมีอยู่จริง โดยลักษณะการสวดเช่นนี้ มีการสวดในบางท้องถิ่น พระมหาไพรวัลย์ เปิดเผยอีกว่า ไม่เคยเห็นการใช้ทำนองกระทุ้ง กับการสวดบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรมาก่อน และเพิ่งเห็นครั้งแรกจากคลิปวิดีโอที่กำลังเผยแพร่ อยู่ในขณะนี้
พระมหาไพรวัลย์ มีความเห็นว่า ในพระวินัยไม่มีการสวดมนต์เช่นนี้ แต่ต้องเข้าใจว่า การสวดแบบกระทุ้ง เป็นความเชื่อท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาช้านาน อาจเป็นเพราะในสมัยโบราณ มีพระที่คิดการสวด ด้วยความเชื่อกึ่งไสยศาสตร์ เช่น เชื่อว่า สวดแบบกระทุ้งหรือกระแทกเสียง สามารถช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี สร้างความขลัง ทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
พร้อมกับแสดงความเห็นต่อคลิปวิดีโอที่ปรากฏออกมาว่า ไม่ค่อยเหมาะสม เนื่องจาก เนื้อหาของบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร พูดถึงหลักการของพระพุทธศาสนา พูดถึงความดีงามในสิ่งที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมครั้งแรก ถ้าจะให้ความเคารพกับพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ควรสวดมนต์ด้วยความเคารพ
พระมหาไพรวัลย์ บอกอีกว่า การสวดมนต์ด้วยลักษณะท่าทางโยกหัว กระแทกเสียงเช่นนี้ อาจจะทำให้เข้าใจว่า ไม่เคารพพระธรรมคำสอน และยังขัดแย้งกับสมณศักดิ์ของการเป็นพระภิกษุ เนื่องจาก แทนที่ฟังแล้วจะได้ความสงบ เลื่อมใสในพระธรรมคำสอน กลับทำให้รู้สึกตรงกันข้าม
หากสังเกตในคลิปวิดีโอ พระรูปอื่นก็สวดแบบกระทุ้งเสียง แต่ไม่แสดงท่าทางเหมือนพระภายในคลิป ซึ่งพระมหาไพรวัลย์ มองว่า ท่านอาจจะเล่นเยอะไป
พระมหาไพรวัลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องเป็นการดีที่คนเห็นอะไรแปลกๆ แล้วมาตั้งคำถาม ในแง่หนึ่งก็ทำให้ตนได้หาข้อมูล หาความรู้ว่าการสวดเช่นนี้ มีจริงหรือไม่ จะได้ช่วยกันหาคำตอบให้กับสังคม
ที่มา : AmarinTV
0 comments: